ฟุตบอลวาไรตี้>>รูเบน อโมริม กับความท้าทายที่กำลังรออยู่ที่ โอลด์ แทรฟฟอร์ด
แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็โ ประกาศแต่งตั้ง รูเบน อโมริม เป้นผู้จัดการทีมคนใหม่อขงพวกเขาเมื่อไม่สัปดาห์ก่อน และเจ้าตัวมีกำหนดจะเดินทางมาคุมทีมหลังจบช่วง ฟีฟ่าเดย์ ในปลายเดือนพฤศจิกายนนี้
ในวงการฟุตบอลยุโรป ชื่อของ รูเบน อโมริม กำลังเป็นที่จับตามองในฐานะโค้ชดาวรุ่งที่มาแรงที่สุดในเวลานี้ ด้วยวัยเพียง 39 ปี กุนซือชาวโปรตุกีสได้รับการยกย่องว่าเป็นหนึ่งในผู้จัดการทีมที่น่าจับตามองที่สุดในทวีป โดยมีสโมสรยักษ์ใหญ่อย่างน้อย 5 แห่งพร้อมที่จะจ่ายค่าฉีกสัญญาเพื่อคว้าตัวเขาไปร่วมงาน ด้วย แต่ท้ายที่สุด เจ้าตัวก็เลือกที่จะผจญภัยครั้งใหม่กับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เจ้าของแชมป์ พรีเมียร์ลีก 13 สมัย
ฟุตบอลวาไรตี้>>การตัดสินใจของ อโมริม ถือเป็นการเดิมพันครั้งใหญ่
เขาเลือกที่จะเสี่ยงทั้งชื่อเสียงและอนาคตการทำงานด้วยการรับงานที่หลายคนมองว่าเป็น “เผือกร้อน” ในเวลานี้ แต่สำหรับกุนซือหนุ่มผู้รักควาท้าทาย โอกาสที่จะได้คุมทีมระดับตำนานอย่าง แมนยู คือความฝันที่เขารอคอยมาตลอด ดังที่ได้เผยในการให้สัมภาษณ์ว่า “หลังจากสปอร์ติ้ง ผมต้องการสโมสรนี้เท่านั้น ไม่ใช่ที่อื่น”
ในโปรตุเกสบ้านเกิด การตัดสินใจของ อโมริม ได้รับการสนับสนุนอย่างท่วมท้น แม้ว่าชื่อเสียงของ ยูไนเต็ด ในอังกฤษจะตกต่ำลงในช่วงหลายปีที่ผ่านมา แต่ในสายตาของวงการฟุตบอลโปรตุกีส ทีม “ปีศาจแดง” ยังคงเป็นสโมสรระดับตำนานที่ทรงเกียรติ ซึ่งการที่กุนซือหนุ่มเลือกย้ายมาคุมทีมจึงได้รับการยอมรับอย่างเป็นเอกฉันท์จากแวดวงฟุตบอลในประเทศ
ฟุตบอลวาไร ตี้>>ความท้าทายสำคัญของว่าที่กุนซือ ปีศาจแดง
คือการรับมือกับความกดดันมหาศาลที่ โอลด์ แทรฟฟอร์ด นี่เป็นประสบการณ์ใหม่สำหรับทั้งตัวเขาและสโมสร แต่ในแง่ของศักยภาพทีม เขาจะได้ร่วมงานกับนักเตะที่มีพรสวรรค์มากมาย ทั้ง มาไตส์ เดอ ลิกต์, มานูเอล อูการ์เต้ และ โจชัว เซิร์กซี ที่รอการพิสูจน์ตัวเองภายใต้การนำของผู้จัดการทีมคนใหม่อยู่
อีกประเด็นที่น่าจับตามองคือการปรับระบบการเล่น แม้ อโมริม จะขึ้นชื่อเรื่องการใช้ระบบกองหลัง 3 คน แต่ใน พรีเมียร์ลีก เขาอาจต้องปรับเปลี่ยนแท็คติกให้เข้ากับบริบทของฟุตบอลอังกฤษ เช่นเดียวกับที่กุนซือระดับโลกอย่าง เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ต้องปรับตัวเมื่อมาคุมทีมในลีกนี้
ตอนนี้ทุกอย่างพร้อมแล้วสำหรับยุคใหม่ของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ภายใต้การนำของ รูเบน อโมริม เขาได้รับโอกาสที่ใฝ่ฝัน และถึงเวลาที่จะพิสูจน์ว่าพร้อมที่จะนำ “ปีศาจแดง” กลับสู่ความยิ่งใหญ่อีกครั้ง